| |||
| |||
| |||
| |||
|
วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ปริศนาของโมนาลิซ่า
กำแพงเบอร์ลิน กำแพงแห่งประวัติศาสตร์สงครามเย็น
| |||
| |||
| |||
| |||
| |||
| |||
| |||
| |||
|
10 อันดับความสยอง
อันดับ 10 ปรากฏการณ์แม่มดเบลล์ (The bell witch)
ตั้ง เมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกา
ในปี ค.ศ.1817 สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อปรากฏการณ์หลอนที่มีชื่อที่สุดในอเมริกา ผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่งไหลมาชม รวมไปถึงประธานาธิบดีด้วย
ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวังทุกคนได้เห็นกันทั่วหน้า ซึ่งว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์
เธอเจ็บแค้นมากเมื่อครอบครัวนี้โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเธอได้สาปแช่งว่าถ้าเธอเป็นผีฉันจะให้ดู และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ครอบครัวของเบลล์ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ จากผีที่มองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็น ข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย นมหกเลอเทอะ
ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ แม้กระทั่งตอนสมาชิกในครอบครัวตายผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์
หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงานฝังศพ
แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปี ก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์
(สยองงงงง ~~)
ตั้ง เมืองอดัมส์ มลรัฐเทนเนสซี อเมริกา
ในปี ค.ศ.1817 สถานที่แห่งนี้ขึ้นชื่อปรากฏการณ์หลอนที่มีชื่อที่สุดในอเมริกา ผู้คนทุกสารทิศพากันหลั่งไหลมาชม รวมไปถึงประธานาธิบดีด้วย
ซึ่งก็ไม่เคยผิดหวังทุกคนได้เห็นกันทั่วหน้า ซึ่งว่ากันว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจากหญิงชราชื่อ เคท แบทส์ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวเบลล์
เธอเจ็บแค้นมากเมื่อครอบครัวนี้โกงเธอในการซื้อขายที่ดิน ดังนั้นก่อนตายเธอได้สาปแช่งว่าถ้าเธอเป็นผีฉันจะให้ดู และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ครอบครัวของเบลล์ต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ จากผีที่มองไม่เห็นไม่ว่าจะเป็น ข้าวของแตกกระจาย เข็มทิ่มตามร่างกาย นมหกเลอเทอะ
ดึงผ้าคลุมจากเตียง การทุบตี แถมเสียงหัวเราะสยองแกล้งแบบสะใจ แม้กระทั่งตอนสมาชิกในครอบครัวตายผีตนนี้ยังไม่วายที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์
หัวเราะร้องเพลงอย่างเริงร่าและดังยาวนานจนผู้ร่วมพิธีศพคนสุดท้ายออกจากงานฝังศพ
แม้ทุกวันนี้ครอบครัวเบลล์จะหมดรุ่นไปแล้วเกือบ 200 ปี ก็ตาม แต่ทุกวันนี้วิญญาณยังปรากฏตัวอยู่ เนื่องจากมีผู้พบเห็นปรากฏการณ์แปลกๆ
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริเวณครั้งหนึ่งที่เคยเป็นสมบัติของเบลล์
(สยองงงงง ~~)
อันดับ 9 ผีที่บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์สแควร์ (50 Berkeley Square)
สถานที่ตั้ง บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ กรุงลอนดอน
ผีที่นี่ดุจริงๆ เพราะมันทำให้เหยื่อเคราะห์ร้ายต้องสังเวยให้กับมัน แม้ไม่มีใครทราบที่มาแต่หลายคนต่างโดนมันฆ่าถ้าใครก็ตามที่มานอนพักบ้านร้าง
หลังนั้น เช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดนและโรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็น
ผีและสู้กับมันส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่บันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น
จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็โดนด้วยและ เสียชีวิตในปี 1827
ปัจจุบันคนละแวกแถวนั้นมักตกใจเสียงทุบและเสียงกระแทกปึงปังในบางคืน
สถานที่ตั้ง บ้านเลขที่ 50 เบิร์กเลย์ สแควร์ กรุงลอนดอน
ผีที่นี่ดุจริงๆ เพราะมันทำให้เหยื่อเคราะห์ร้ายต้องสังเวยให้กับมัน แม้ไม่มีใครทราบที่มาแต่หลายคนต่างโดนมันฆ่าถ้าใครก็ตามที่มานอนพักบ้านร้าง
หลังนั้น เช่นในปี 1887 กะลาสีสองคนชื่อเอ็ดเวิร์ด บลันเดนและโรเบิร์ต มาร์ติน ได้อาศัยบ้านหลังนี้พักชั่วคราวและต่อมากลางคืนบลันเดนก็พบเห็น
ผีและสู้กับมันส่วนมาร์ตินหนีออกมาเพื่อแจ้งตำรวจและเมื่อกลับมาก็พบบลันเดนตายอยู่บันไดชั้นล่างในสภาพคอหัก ดวงตาเบิกโพลง นอกจากนั้น
จอร์จ แคนนิ่ง นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็โดนด้วยและ เสียชีวิตในปี 1827
ปัจจุบันคนละแวกแถวนั้นมักตกใจเสียงทุบและเสียงกระแทกปึงปังในบางคืน
(อย่าไปแถวนั้นตอนกลางคืนเด็ดขาด!)
อันดับ8 บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House)
สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 112 โอนอเวนิว อเมริกา
บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว เป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนโรงนาทรงสูงที่ที่สวยงามมากหลังหนึ่ง ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ
13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดล โดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณี
ของครอบครัวของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็นเสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ นอกจากนั้น ไม่ว่า
ใครหน้าไหนเอาเรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังจะโดนคำสาป เห็นได้จาก เคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกอง
ถ่ายต่างประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ (ปัจจุบันเราสามารถหาดู
เรื่องนี้จากหนังเรื่องผีทวงบ้านครับ) ระวังจะโดนคำสาบ!!
(งั้นไม่ดูละ กลัว!)
อันดับ8 บ้านอมิตี้วิลล์ (Amityville House)
สถานที่พบเจอ บ้านเลขที่ 112 โอนอเวนิว อเมริกา
บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว เป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล หน้าตาเหมือนโรงนาทรงสูงที่ที่สวยงามมากหลังหนึ่ง ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ
13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุไปในบัดดล โดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณี
ของครอบครัวของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็นเสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ นอกจากนั้น ไม่ว่า
ใครหน้าไหนเอาเรื่องนี้มาแต่งเป็นนิยายหรือทำเป็นหนังจะโดนคำสาป เห็นได้จาก เคยมีคนนำเรื่องอมิตี้วิลล์มาสร้างหนังปรากฏว่าหลายคนในกอง
ถ่ายต่างประสบเคราะห์กรรมต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ลึกลับ เจ็บไข้ ได้ป่วย หรือแม้กระทั่งตายอย่างลึกลับ (ปัจจุบันเราสามารถหาดู
เรื่องนี้จากหนังเรื่องผีทวงบ้านครับ) ระวังจะโดนคำสาบ!!
(งั้นไม่ดูละ กลัว!)
อันดับ 7 เดอะ ฟลายอิ้ง ดัชท์แมน (Flying Dutchman)
สถานที่พบเจอ แหลม Good Hope ฮอลแลนด์ และท้องทะเลทั่วโลก(ไทยก็เคยเจอ)
เป็นเรือปีศาจที่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยๆ ในทั่วโลกมาแล้วหลายร้อยปี เดิมคือ เรือ Flying Ducthman เป็นของกัปตัน Van Der Decken ที่นิสัยไม่ดี
โดยเขาหายสาปสูญที่แหลม Good Hope ก่อนหายได้ตะโกนขึ้นว่า "ข้าจะยังคงวนเวียนอยู่ที่แหลมแห่งนี้ ถึงแม้ว่าข้าจะต้องล่องเรือจนถึงวาระสุด
ท้ายของโลกก็ตาม" และนับจากนั้นเป็นต้นมาผู้คนทั่วโลกก็พบเรือปีศาจแบบนี้ และว่ากันว่าเรือใดที่เห็นเรือปีศาจนี้จะต้องรับความพินาศ โดยในปี
1881 คนประจำเรือเจ้าชายจอร์จที่ 5 เห็นเรือนี้จากนั้นไม่นานเขาก็พลัดตกเสากระโดงเรือตาย.... ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือ
ฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยดสยอง ริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีชื่อก้องโลกได้อาศัย
ตำนานปีศาจนี้แต่งอุปรากรที่มีชื่อว่า Der Fliegende Hollander
(บ้านใครอยู่แถบทะเลระวังนะ เหอะๆ)
อันดับ 6 วิญญาณที่โบลถ์บอร์ลีย์ (Borley Rectory)
สถานที่พบเจอ กรุงลอนดอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์(ปัจจุบันโดนทุบทิ้งแล้ว)
เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้นถูกพ่อมดหมอผีและชาวบ้านที่งมงายจับสองคนไปฆ่าโดยนักบวชถูก
แขวนคอส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 และหลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็
เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไปโดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสดๆ เลยก็มี
โดยปี 1929 เธอปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบหน้าเศร้าหมองร้องขอให้มีผู้พบศพเธอเพื่อประกอบ
พิธีทางศาสนา และมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบ จนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียง
ซากและโบสถ์ก็โดนทุบทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
อันดับ 5 วิญญาณสีชาด
กษัตริย์เฮนรีที่ 4
สถานที่พบเจอ ฝรั่งเศส ???
วิญญาณสีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส เป็นร่างของชายสูงใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาด
เช่นกัน ร่างนี้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมของกษัตริย์เฮนรีเลยทีเดียว
แล้วมันก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย" พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข และอีก 12 ชั่วโมงต่อมา
เฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์เพราะฟรองซัวราวิลแย็คทำการรัฐประหาร นอกจากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนา
ปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และครั้งที่ 4 คือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ก็เป็นวันตายของนโปเลียนนั้นเอง
(อาถรรพ์เลข 4!)
อันดับ 4 ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)
สถานที่พบเจอ เยอรมัน ฝรั่งเศส ??
ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของอันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณ
หญิงสีขาวเมื่อไหร่คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ
จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต, นอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่
29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!!
อันดับ 3 วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary)
สถานที่พบเจอ เรือควีนแมรี่(ปัจจุบันถูกจอดไว้ที่เมืองลองบีช โดยดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม)
ควีนแมรี่เป็นเรือใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ เคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม
ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่มีอันต้องเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียก
น้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า สตรีในชุดราตรีโบราณ ฯลฯ
อันดับ 2 วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แม้พระนางจะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ไปตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม ระเบียงของพระราชวัง
แฮมตัน คอร์ท พาเลสทุกวันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์อีกด้วย
อันดับ 1 วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ (รูปถ่ายนี้ถูกถ่ายในธันวาคม ที่ศาล Hampton ใกล้ลอนดอน)
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 นี้ช่างเป็นต้นเหตุสร้างเรื่องสยองจริงๆ เมื่อพระนางแอนน์ โบลีนพระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อน
ตายนางกล่าวว่า "โอ้ ความตาย นำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัด นำข้าไปสู่ผี..ที่สุดแสนจะเงียบงัน ออกไปจากอกของข้าที่ห่วงหา
อาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อย ปล่อยให้มันก้องกังวาน"
ว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ในวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นพระนางเคยใช้
ชีวิตในวัยเยาว์ที่นั้นเลยผูกพันเป็นพิเศษ ซึ่งมีรายงานปรากฏวิญญาณของพระนางไปยังสถานทีประสูติไม่ว่างเว้น โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูง
ศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและ
หายลับไปยังประตูหน้า นอกจากนี้พระนางยังปรากฏอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนอีกด้วย โดยผู้ใดที่อยู่ตรงข้ามพระนางจะพลอยได้พบหายนะไปด้วย
เสียสิ้น โดยใครพบเจอคนนั้นอาจหัวใจวายตายในเวลาไม่นาน ไม่ก็เสียสติ
สถานที่พบเจอ กรุงลอนดอนทางตะวันออกเฉียงเหนือ 60 ไมล์ แถบชานเมืองเอสเซกซ์(ปัจจุบันโดนทุบทิ้งแล้ว)
เมื่อปี ค.ศ.1362 นักบวชนิกายเบเนดิกทีนและแม่ชีจากสำนักชีในละแวกนั้นถูกพ่อมดหมอผีและชาวบ้านที่งมงายจับสองคนไปฆ่าโดยนักบวชถูก
แขวนคอส่วนแม่ชีถูกฝังทั้งเป็นภายในผนังของสำนักชี ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นโบสถ์แห่งบอร์เลย์ในปี 1863 และหลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็
เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นก้อนหินที่ขว้างไปโดยไม่รู้ที่มา รอยเท้าประหลาด เสียง และภาพหลอนขนาดปรากฏตัวในตอนกลางวันแสดๆ เลยก็มี
โดยปี 1929 เธอปรากฏตัวถี่ขึ้นและเริ่มเห็นเต็มตัวโดยในลักษณะแต่งกายเป็นชีและท่าทางใบหน้าเศร้าหมองร้องขอให้มีผู้พบศพเธอเพื่อประกอบ
พิธีทางศาสนา และมีผู้ถ่ายรูปเธอออกมาเพียบ จนกระทั่งคืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1939 ก็เกิดเพลิงไหม้ตอนเที่ยงคืนและเผาโบสถ์จนเหลือเพียง
ซากและโบสถ์ก็โดนทุบทิ้งจนผีไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
อันดับ 5 วิญญาณสีชาด
กษัตริย์เฮนรีที่ 4
สถานที่พบเจอ ฝรั่งเศส ???
วิญญาณสีชาดตนนี้ไม่มีที่มา แต่มันสำแดงตนเสมอในช่วงเปลี่ยนกษัตริย์ของฝรั่งเศส เป็นร่างของชายสูงใหญ่ ใส่เสื้อคลุมสีชาด มีเครายาวสีชาด
เช่นกัน ร่างนี้ไปปรากฏต่อพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรีที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ในคืนที 13 พฤษภาคม 1610 ในห้องพระบรรทมของกษัตริย์เฮนรีเลยทีเดียว
แล้วมันก็กล่าวคำพยากรณ์ว่า "พรุ่งนี้เจ้าจะต้องตาย" พระองค์ตกใจมากและรีบเรียกตัวขุนนางผู้ใหญ่มาหารือเพื่อหาทางแก้ไข และอีก 12 ชั่วโมงต่อมา
เฮนรีก็ถูกผลักตกจากบัลลังก์จริงตามคำพยากรณ์เพราะฟรองซัวราวิลแย็คทำการรัฐประหาร นอกจากนี้วิญญาณตัวนี้ยังสำแดงตนให้นโปเลียน โปนา
ปาร์ตเห็นถึง 4 ครั้ง และครั้งที่ 4 คือคืนวันที่ 5 พฤษภาคม 1821 ก็เป็นวันตายของนโปเลียนนั้นเอง
(อาถรรพ์เลข 4!)
อันดับ 4 ผีชุดขาวแห่งเบอร์ลิน (Ghost White of The Berlin)
สถานที่พบเจอ เยอรมัน ฝรั่งเศส ??
ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของอันนา ซิโดว์ ภรรยาลับของกษัตริย์โจอาคิมที่ 2 ในศตวรรษที่ 16 ที่ถูกจับขังจนถึงแก่กรรม ซึ่งใครก็ตามที่ได้เห็นวิญญาณ
หญิงสีขาวเมื่อไหร่คนในราชวงศ์นั้นจะประสบเคราะห์กรรม เช่นปี 1619 มหาดเล็กของกษัตริย์จอร์น ซิกมุนด์เห็นร่างสีขาวก่อนที่จะตายโดยอุบัติเหตุ
จากนั้นกษัตริย์จอห์น ซิกมุนด์ก็สวรรคต, นอกจากนั้นกษัตริย์หลายพระองค์ก็เห็นวิญญาณนี้ปรากฏที่รัสเซีย ปารีส และครั้งสุดท้ายที่ปรากฏคือวันที่
29 เมษายน 1945 ซึ่งเป็นวันล่มสลายของนาซีเยอรมันที่เบอร์ลินพอดี!!
อันดับ 3 วิญญาณที่เรือควีนแมรี่ (Queen Mary)
สถานที่พบเจอ เรือควีนแมรี่(ปัจจุบันถูกจอดไว้ที่เมืองลองบีช โดยดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ โรงแรม)
ควีนแมรี่เป็นเรือใหญ่มากลำหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ เคยถูกนำมาใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วถูกปลดระวางในปี 1967 เพื่อนำไปทำโรงแรม
ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าถ้าใครตายในเรือแมรี่มีอันต้องเป็นผีเฝ้าเรือทุกตน โดยมีผู้พบเห็นผีนี้ตามจุดทั่วเรือในลักษณะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าที่เปียก
น้ำ เด็กน้อยตามหาแม่และหายตัวไปต่อหน้า สตรีในชุดราตรีโบราณ ฯลฯ
อันดับ 2 วิญญาณของพระนางแคทเธอรีน โฮวาร์ด (Catherine Howard)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ
แม้พระนางจะโดนสำเร็จโทษหลังอภิเษกกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 ได้เพียง 8 เดือน ไปตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1542 แล้วก็ตาม ระเบียงของพระราชวัง
แฮมตัน คอร์ท พาเลสทุกวันนี้ยังมีเสียงร้องโหยหวนในยามดึกเสมอ นอกจากนี้ยังสิงสู่อยู่ที่อีธอร์น มาเนอร์ ฮอลลิงบอร์น เค้นท์อีกด้วย
อันดับ 1 วิญญาณของพระนางแอนน์ โบลีน (Anne Boleyn the headless Queen)
สถานที่พบเจอ หอคอยลอนดอน ประเทศอังกฤษ (รูปถ่ายนี้ถูกถ่ายในธันวาคม ที่ศาล Hampton ใกล้ลอนดอน)
พระเจ้าเฮนรีที่ 8 นี้ช่างเป็นต้นเหตุสร้างเรื่องสยองจริงๆ เมื่อพระนางแอนน์ โบลีนพระมเหสีองค์ที่สองถูกสำเร็จโทษ 19 พฤษภาคม ปี 1536 โดยก่อน
ตายนางกล่าวว่า "โอ้ ความตาย นำข้าให้หลับใหล พาข้าให้พักอย่างเงียบสงัด นำข้าไปสู่ผี..ที่สุดแสนจะเงียบงัน ออกไปจากอกของข้าที่ห่วงหา
อาทร ย่ำระฆังความตายที่เศร้าสร้อย ปล่อยให้มันก้องกังวาน"
ว่ากันว่าวิญญาณของพระนางจะกลับมาที่ บลิคลิง ฮอลล์ ในนอร์ฟอล์ค ในวันครบรอบที่พระนางถูกสำเร็จโทษ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นพระนางเคยใช้
ชีวิตในวัยเยาว์ที่นั้นเลยผูกพันเป็นพิเศษ ซึ่งมีรายงานปรากฏวิญญาณของพระนางไปยังสถานทีประสูติไม่ว่างเว้น โดยผู้คนมักเห็นร่างของหญิงสูง
ศักดิ์ปราศจากศีรษะ นั่งอยู่ในรถม้าที่ลากโดยม้าที่ปราศจากหัวสี่ตัว และคนขับซึ่งไม่มีหัวเช่นกัน รถม้าจะวิ่งช้าๆ ไปยังอาคารโบราณที่บลิงตันและ
หายลับไปยังประตูหน้า นอกจากนี้พระนางยังปรากฏอยู่ที่หอคอยแห่งลอนดอนอีกด้วย โดยผู้ใดที่อยู่ตรงข้ามพระนางจะพลอยได้พบหายนะไปด้วย
เสียสิ้น โดยใครพบเจอคนนั้นอาจหัวใจวายตายในเวลาไม่นาน ไม่ก็เสียสติ
วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
ประโยชน์และโทษของการใช้คอมพิวเตอร์
ประโยชน์และโทษของการใช้คอมพิวเตอร์
1.ได้รับข่าวสารรวดเร็ว
2.ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
3.รู้จักการใช้ทักษะทางสายตา
4.มีไหวพริบในการทำงานมากขึ้น
5.ทำให้เรามีทักษะในการดูมากขึ้น
โดยการเล่นเกมส์ที่มีประโยชน์
___________________________________________
1.ทำให้สายตาสั้น
2.ทำให้เสียเวลาในการ ทำการบ้าน
3.ติดคอมมากขึ้น
4.เปลืองไฟฟ้าที่บ้าน และโลกของเรา
5.มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะกับเด็ก(ถ้าไม่รู้จักเล่น)
___________________________________________
วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ หรือเดิมคือ เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน จัดทำขึ้นโดยองค์กรของสวิตซ์
The New Open World Corporation (NOWC) ซึ่งผลสรุปสุดท้ายได้ประกาศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ที่กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส โดยไม่เรียงตามลำดับคะแนนอย่างไรก็ตามเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ชุดนี้ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก
1.ชิเชนอิตซา คาบสมุทรยูคาตาน เม็กซิโก
ชิเชน อิตซาเป็นภาษามายาแปลว่า ต้นทางแห่งความสุขสบายของประชาชน ชิเชน อิตซาเป็นวิหารที่โด่งดังที่สุดของชนเผ่ามายา ถือเป็นศูนย์กลางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอารยธรรมมายา การผสมผสานทางโครงสร้างของสิ่งก่อสร้างหลากหลายชนิดของชิเชน อิตซา ทั้งพีระมิดแห่งเทพเจ้าคูคุลคาน (เทพเจ้าสูงสุดของชาวมายาซึ่งเป็นผู้สร้างมนุษย์) วิหารชัค มุล (รูปปั้นซึ่งเป็นศิลปะแบบมายา) ห้องโถงที่เต็มไปด้วยเสาหลายพันต้นและลานกว้างที่ใช้เป็นที่ชุมนุมของประชาชนในอดีตนั้น แสดงให้เห็นถึงความพิเศษในเชิงสถาปัตยกรรมด้านการจัดวางองค์ประกอบของเนื้อที่และพื้นที่ใช้สอย โดยเฉพาะในส่วนของพีระมิดแห่งเทพเจ้าคูคุลคานซึ่งถือเป็นพีระมิดแห่งสุดท้ายและเป็นพีระมิดที่กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของอารยธรรมมายาด้วย
2.รูปปั้นพระเยซูคริสต์ นครริโอเดอจาเนโร บราซิล
รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ตั้งอยู่ที่ยอดเขากอร์โกวาโด มีความสูงราว 38 เมตร ได้รับการออกแบบโดยไฮตอร์ ดาซิลวา คอสตา ชาวบราซิล และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี้ ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี โดยเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม ปี พ.ศ.2474 รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของนครริโอเดอจาเนโร และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบราซิล มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ราว 1,800,000 รายต่อปี
3.มาชูปิกชู ประเทศเปรู
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 จักรพรรดิ ปาชาคูเทค ยูปันกี ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอินคา ได้สร้างเมืองแห่งหนึ่งบนภูเขาซึ่งปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกชื่อว่า มาชู ปิกชู (มีความหมายว่าภูเขาโบราณ) ปัจจุบันอยู่ในประเทศเปรู ที่ตั้งของเมืองนี้ค่อนข้างกันดารยากที่จะเข้าถึง โดยตั้งอยู่บนที่ราบสูงแอนดิส ลึกเข้าไปในป่าอเมซอนและอยู่เหนือแม่น้ำอุรุบัมบา ซึ่งภายหลังชาวอินคาได้อพยพออกจากเมืองนี้เนื่องจากเกิดโรคระบาดขึ้น หลังจากอาณาจักรอินคาล่มสลายจากการพ่ายแพ้สงครามให้กับชาวสเปน เมืองแห่งนี้ก็ได้หายสาบสูญไปกว่า 3 ศตวรรษ จนกระทั่งได้รับการค้นพบใหม่โดยฮิราม บิงแฮม นักโบราณคดีชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ.2454
4.กำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีนตั้งอยู่บนพรมแดนทางตอนเหนือของประเทศจีน เริ่มต้นสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน (ราวปี พ.ศ.322-337 หรือ 221-206 ปีก่อนคริสตกาล) โดยมีจุดประสงค์ในการเชื่อมโยงป้อมปราการให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่ามองโกลในอดีต มีความยาวทั้งสิ้นกว่า 6,700 กิโลเมตร ถือเป็นสิ่งก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์ที่ยาวที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีมา ผู้คนจำนวนหลายพันคนต้องอุทิศชีวิตให้กับสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมานี้ นอกจากนี้ เคยมีผู้กล่าวไว้ว่ากำแพงเมืองจีนเป็นสิ่งก่อสร้างเพียงอย่างเดียวในโลกที่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ กำแพงเมืองจีนได้รับการคัดเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ.2529
5.เปตรา ประเทศจอร์แดน
เปตราเป็นภาษากรีก มีความหมายว่าหิน เมืองโบราณเปตราตั้งอยู่ในทะเลทราย เป็นเมืองหลวงของชนเผ่านาบาเชียนซึ่งเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศจอร์แดนในสมัยก่อน สร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์อาเรตัสที่ 4 (9 ปีก่อนคริสตกาล-ค.ศ.40) ชาวนาบาเชียนสร้างเมืองแห่งนี้โดยใช้วิธีการแกะสลักหินให้เป็นช่องอุโมงค์ โรงละครของเมืองแห่งนี้ซึ่งเป็นต้นแบบของโรงละครแบบกรีก-โรมันมีเนื้อที่สามารถจุผู้ชมได้ถึง 4,000 คน ส่วนหน้าของวิหารเอล เดียร์ ซึ่งสูง 42 เมตร ในเมืองแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีอีกแห่งหนึ่งของสถาปัตยกรรมแบบกรีกโบราณที่หลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้
6.ทัชมาฮาล เมืองอักรา ประเทศอินเดีย
ทัชมาฮาลสร้างขึ้นโดยกษัตริย์ชาห์ จาฮัน เพื่อใช้เป็นที่ฝังศพของพระนางมุมทัซ มาฮาล มเหสีที่พระองค์ทรงรักมากที่สุดซึ่งเสียชีวิตขณะมีอายุได้เพียง 39 ชันษาหลังจากที่ให้กำเนิดบุตรคนที่ 14 ทัชมาฮาลสร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศักราช 1631-1648 สร้างโดยใช้หินอ่อนสีขาวทั้งหลัง รวมทั้งใช้วัสดุในการตกแต่งชั้นเลิศจากทั่วเอเชียซึ่งขนส่งโดยใช้ช้างกว่า 1,000 ตัว ทัชมาฮาลได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปะแบบมุสลิมที่สวยงามสมบูรณ์แบบมากที่สุดในอินเดีย นอกจากนี้ ทัชมาฮาลยังเป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากที่สุดของอินเดีย มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาชมทัชมาฮาลราวปีละเกือบ 3 ล้านคน
7.สนามกีฬาโคลอสเซียม กรุงโรม ประเทศอิตาลี
สิ่งก่อสร้างรูปทรงโค้งเป็นวงกลม ซึ่งตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของกรุงโรมแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเหล่านักรบโรมันและเป็นอนุสรณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรโรมัน สนามกีฬาแห่งนี้สูง 48 เมตร ยาว 188 เมตร และกว้าง 156 เมตร แนวคิดในการออกแบบโคลอสเซียมนี้ยังคงมีความสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้ ดังจะเห็นได้จากการออกแบบสนามกีฬาแทบทุกแห่งในโลกนับตั้งแต่นั้นมาต้องปฏิบัติตามแม่แบบดั้งเดิมของโคลอสเซียมอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้สิ่งที่ได้รับรู้จากภาพยนตร์และหนังสือบันทึกทางประวัติศาสตร์จะแสดงให้เห็นว่าสนามกีฬาแห่งนี้มีแต่การต่อสู้และการแข่งขันที่โหดร้ายต่างๆ นานา เพื่อความสุขของผู้ชมเท่านั้นก็ตาม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก :http://webboard.yenta4.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)